ประสบการณ์ของผู้เขียน ที่เคยทำงานกับชาวต่างชาติมาหลากหลายสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง หรือเพื่อนบ้านเอเชียด้วยกัน ….จากประสบการณ์ของผู้เขียน บางคนก็ทำงานดีมาก บางคน…บอกได้เลยว่า “ไม่ประทับใจ”
ขอเล่าเฉพาะในส่วนที่ไม่ประทับใจละกัน เผื่อจะเป็นข้อคิดสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังมีประสบการณ์คล้ายๆ กัน …ฝรั่งหรือชาวต่างชาติที่ทำงานในบริษัท ….มีอยู่ 2 ประเภท
- ประเภทที่ 1 ถูกคำสั่งเบื้องบนให้ย้ายมาทำงานประจำสาขาประเทศไทย ไม่รู้ว่าถูกลงโทษหรือผลงานดีจนเกินไป ก็ไม่รู้ได้
- ประเภทที่ 2 คือคนไทยจ้างเอง ส่วนมากค่าจ้างไม่สูงมากนักและมักจะเป็นชาวเอเชียด้วยกัน มากกว่าฝรั่ง เช่น ชาวฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น
ผมเคยสงสัยว่า ชาวต่างชาติที่มาทำงานในบ้านเมืองเรา จะมีสักกี่คนที่มาโดยสมัครใจ
ช่วงแรกที่ผู้เขียนเป็นพนักงานระดับล่างสุด พอจะคุยกับชาวต่างชาติทีไรก็กลัวไปหมด เช่น กลัวพูดไม่รู้เรื่อง กลัวฟังไม่รู้เรื่อง แต่สิ่งหนึ่งที่มีในใจคือ ยอมรับนับถือเขาอย่างมาก เพราะเขามักจะมีมุมมองที่แปลกๆใหม่ๆเสมอ ….การทำงานก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่หลายคนก็คงจะได้ยินคำพูดในที่ทำงานบ่อยว่าๆ “ผู้ใหญ่” (เจ้าของกิจการหรือพนักงานอาวุโส) มักจะเชื่อชาวต่างชาติแทบทุกเรื่อง ทั้งๆที่บางเรื่องเป็นเรื่องของคนท้องถิ่น ก็หลับหูหลับตาเชื่อกันไปได้ พูดง่ายๆคือ ปลื้มชาวต่างชาติจนเกินเหตุ
หลังจากที่ผู้เขียนได้ไปเรียนจบปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ (MA. Communication Art) ก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างว่า “เราสามารถวิเคราะห์ ถกเถียงอย่างมีเหตุผลกับฝรั่งได้” ไม่ใช่เรื่องไร้มารยาทเลย จากที่กลัวขึ้นสมอง เชื่อฝรั่งไปหมด ยิ้มรับ โค้งคำนับทุกคำพูดที่เขาสั่ง ….กลับกลายเป็นว่า เราสามารถนั่งใจเย็นมองหน้าเขา วิเคราะห์เหตุผลเป็น ถกเถียงเป็น… เชื่อมั้ยว่า มันทำให้ “ฝรั่งกลัว”??? (กลัวในที่นี้ หมายถึง กลัวว่าจะมีคนเพิ่มมาทำให้งานที่เคยง่ายกลับยากขึ้น ไม่เป็นดั่งใจ …ไม่ใช่กลัวแบบตัวสั่นงันงก)
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ช่วงที่ผมจบกลับมาใหม่ๆ เจ้าของบริษัทฯ ให้ผมไปเป็นผู้ช่วยฯ ของฝรั่งสาวคนหนึ่ง ทั้งๆที่ตกลงกันว่าจะจัดตั้งกลุ่มใหม่ให้ ผู้เขียนก็ไม่ว่าอะไร เพราะเขาขอมา เราทำได้ก็ทำไป …แต่ด้วยความที่ลูกน้องในกลุ่มทั้งหมดเป็นคนไทย ประมาณ 4-5 คน แต่ทั้งหมดกลับเข้าชอบวิ่งเข้าหาเรา ปรึกษาเป็นภาษาไทยกับเราได้ง่ายกว่า ทำให้มีการ Brainstrom ในห้องทำงานของผู้เขียนบ่อยมาก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของการทำงานของชาวครีเอทีฟ และในกลุ่มไม่มี Creative Group Head ผมจึงทำหน้าที่ตบไอเดียใส่กระด้งให้น้องๆ ไปโดยปริยาย แต่เหตุไม่คาดฝันก็มาเกิดขึ้น มีคนมาบอกว่า ฝรั่ง…ที่เป็นหัวหน้าเรา นางไปแอบร้องไห้ฟูมฟายกับเจ้าของบริษัทฯ ฟ้องว่าเราพยายามจะยึดกลุ่มของนาง โถ…ๆๆๆๆๆ เวลาได้ไอเดียแล้วก็เอาไปใส่พาน Present กับนาง ในห้องของนาง ตรูก็ไม่เคยได้ความดีความชอบ แถมใส่ร้ายกรูอีก แหม…อิฝรั่งอุจจาระนก ใจแม่ม..ม เท่าปลาซิวจริงๆเลย เขาจะยึดกลุ่มคุณได้อย่างไร ไม่มีคำสั่งเอกสารอะไรออกมา เจ้าของก็เอียงซะขนาดนั้น… ที่คุณไม่พอใจเพราะเด็กๆ เขาอยากคุยภาษาไทยก่อน รู้เรื่องกันดีกว่า เขาเลือกที่จะเข้ามาปรึกษาผมมากกว่าจะวิ่งไปหาคุณ คุณก็เลยอิจฉา…(ผู้เขียนทราบภายหลัง)
การที่เราสามารถวิเคราะห์ ถกเถียงอย่างมีเหตุผลกับฝรั่งได้ ไม่ใช่ยิ้มรับ โค้งคำนับทุกคำสั่ง ….ทำให้ “ฝรั่งกลัว”???
อันนี้เกิดขึ้นจริงกับผู้เขียน ฝรั่งคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าระดับอาวุโสสูงสุดในแผนกของผู้เขียน เคยเผลอตัวออกอาการชัดเจน ฝรั่งคนนี้อยู่เมืองไทยนาน จนมีเมียเป็นคนไทย ความคิดความอ่านก็เลยกลายเป็นคนไทย จากช่วงแรกที่ไม่ถือตัว เป็นกันเอง… เริ่มมีเจ้ายศเจ้าอย่าง เข้าถึงยาก? …เรื่องพวกนี้ไม่เคยมีในบักฝรั่งของแท้ ต่อให้คุณเป็นนายกรัฐมนตรี เขาก็ถกเถียงกันได้ ไม่เคยถือตัว เอางานเป็นตัววัดคุณภาพของตนเอง…ฝรั่งบางคนที่ทำงานในประเทศไทยนานๆ มักจะเสียนิสัย เปลี่ยนแปลงไป…พยายามทำตัวเป็นขุนนาง
- จะเจอต้องนัด(ส่วนมากข้ามวัน) นัดแล้วต้องมารอก่อนเวลา พอถึงเวลาแล้วแม่ม บอกขอเลื่อนเวลา…ยุ่งอยู่
- เวลาเสนอไอเดียต้องให้เขาตัดสินใจ (ไม่ว่ากัน มันเป็นหัวหน้าเรา) ไอเดียต่างๆ คิดมาหลายวันถูกยิงร่วงหมด แต่ให้ไอเดียใหม่ไปคิดทุกครั้ง…อ่ะ ไม่ว่ากัน แต่การที่คุณจวนตัว ใกล้วันเสนองาน กลับให้เอางานแรกที่พวกผมนำไปเสนอขึ้นมาปัดฝุ่น…อันนี้เรียกว่ากระไรครับ… แถมยำใหญ่ใส่สารพัด Single minded หายหมด
- เวลาไปเสนองาน คุณเอางานไปอี๋อ๋อกับระดับหัวหน้าด้วยกัน(ฝั่งลูกค้า) ขายไอเดียได้ก็ดีไป แต่ถ้าขายไอเดียไม่ได้ ลองเดาสิว่า “ใครซวยครับ” ผู้เขียนเคยได้รับคำชมว่า “ไม่เก่ง” หลังจากที่เอางานไปขายเอง แล้วไม่ผ่าน (เรื่อง เก่งหรือไม่เก่ง …ไม่ขอพูดถึง เพราะเราช่วยกันคิดเป็นทีม คนทำงานเป็น Creative Group Head หรือ Asso…ไม่ควรคิดงานแข่งลูกน้องอยู่แล้ว เราต้องช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้น้อง ชี้นำ หรือหาทางช่วยเสริมในมุมมองของเขาเท่านั้น)
- หลังขาย Storyboard ผ่าน ผมเสนอ Production House ใหม่ๆ ไฟแรง ฝีมือดีผลงานเด่น ราคากันเอง ไป 2-3 แห่งให้เลือก …ท่านกลับไม่เลือก ท่านเลือกใช้เจ้าเก่า ที่ไม่รู้ถูกคอกันอย่างยิ่ง หรือมีอะไรลึกลับใต้โต๊ะ 10% ตามที่เขาร่ำลือกัน ผมบอกท่านว่า…เราควรเปลี่ยนได้แล้ว ท่านบอกผมว่า “เปลี่ยนตำแหน่งเลยมั้ย คุณมาทำงานแทนผม” ถลุยยย…ฝรั่ง คิดแบบนี้ได้ด้วย
แม้จะเป็นแค่เพียงคำพูด “หนึ่งประโยค” ก็ทำให้ผมรู้สึกช๊อกไปเลย…ราวกับเจอ Culture Shock บนที่ทำงาน เรามั่นใจว่าก็ใช้คำพูดอย่างสุภาพแล้ว แถมยิ้มๆ ไปด้วยตามปกติวิสัยของผู้น้อย แต่การตอบโต้มาแบบนั้น มันแสดงถึงความรู้สึกจากส่วนลึกจริงๆ บอกได้ว่ากำลังมีทัศนคติกับเราอย่างไร? จากที่เราเคยเคารพนับถือก็กลับกลายเป็นอย่างอื่นในพริบตา นึกถึงคำพูดของคนอื่นๆ ที่กล่าวถึงตัวเขาบ่อยๆว่า “มันไม่ใช่ฝรั่ง มันเป็นคนไทยไปแล้ว” ผมเข้าใจกระจ่าง ณ วันนั้นเลยครับ
สรุปการทำงานกับต่างชาติ ในมุมมองของผู้เขียน
- ข้อดีคือเรื่องภาษาอังกฤษและภาพลักษณ์ขององค์กร บริษัทฯ ดูเป็นอินเตอร์ฯ มากขึ้น เราได้สนทนาภาษาอังกฤษมากขึ้น ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มีความหมายชัดเจนในแต่ละคำ ไม่พริ้วไปมาได้เหมือนภาษาไทย คนต่างชาติได้เปรียบเพราะหลักการของภาษาอังกฤษมีส่วนช่วยอย่างมาก ลองนึกถึงตำราภาษาอังกฤษสักเล่ม อ่านยาก แต่อ่านแล้วมีหลักการดีมาก คนไทยที่ไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษมักจะดูว่ายาก และเราจะนับถือคนที่ อ่านได้ พูดได้ ตามหลักการในตำรา โดยเฉพาะฝรั่ง เขาเกิดมาพร้อมภาษาของเขา เมื่อพูดสิ่งใดออกมา ก็มักดูน่าเชื่อถือไปหมด เพราะเป็นภาษาอังกฤษที่มีโครงสร้างทางภาษาที่ชัดเจนสอดคล้องตามตำรานั่นเอง
- ข้อด้อย คือต่างชาติบางคนทำงานไม่สมราคาตามที่หวังไว้ ทำงานด้วยแล้วไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย สั่งอย่างเดียว แถมเอาดีเข้าตัว ส่วนที่ไม่ดีก็ยกให้คนอื่น ดูเหมือนเอามาประดับบริษัทฯ ไว้เฉยๆ บางบริษัทอาจจำเป็นต้องจ้างเพราะไปจับมือกับต่างชาติร่วมหุ้นกัน ก็ต้องทำใจเพราะคนต่างชาติที่เข้ามาในฐานะตัวแทนสำนักงานจากต่างประเทศที่ผมเคยเจอ “กร่าง” ทั้งนั้น…อย่าว่าแต่ฝรั่งเลย ผมเคยเจอแค่ Art Director จากประเทศเพื่อนบ้านทางใต้ของเรา ชี้เป็นชี้ตายให้กับสำนักงานคนไทยได้ทั้งบริษัท ทำราวกับว่าคนไทยด้อยพัฒนาเสียเต็มประดา พวกผมคนไทยไม่อยากมากเรื่องกับใครมากกว่า
ความจริงฝรั่งไม่ชอบเรียนสูงๆนะครับ มีส่วนน้อยที่จะจบปริญญาโท เขาทำงานตั้งแต่ยังเด็ก พอทำงานเลยดูเหมือนจะมีความเข้าใจงานและรับผิดชอบงานได้ดี มีความคิดทางด้านครีเอทีฟค่อนข้างดี แต่เมื่อต้องมาทำงานในเมืองไทย อาจจะต้องปรับอีกเยอะเพราะคนไทยมีวัฒนธรรม มีความคิดความอ่านที่แตกต่างกันอยู่มาก ต่างชาติที่ทำงานเก่งจริงๆ จะต้องรู้จักการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งเหล่านี้ ผสมผสานกับความรู้และประสบการณ์ของตัวเองให้ได้ดีด้วย
หากคุณทำงานกับชาวต่างชาติ แนะนำว่าคุณต้องพัฒนาทักษะภาษาของคุณให้ดี หาเวลาไปเรียนพิเศษอย่างต่อเนื่อง แบบตัวต่อตัวจะได้ผลมากที่สุด โดยเฉพาะกับครูชาวต่างชาติ …เมื่อมีการใช้ภาษาที่ดี คุณจะมีความมั่นใจในการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น เมื่อนั้นคุณจะมองเห็น “กึ๋น” ของชาวต่างชาติที่คุณทำงานด้วยว่าที่จริงแล้วมีอยู่มากน้อยแค่ใหน คนไทยส่วนมากเมื่อมีอาการกลัวในการใช้ภาษา ก็เลยรู้สึกเกรงกลัวมากขึ้น ทั้งๆที่เขาอาจจะไม่ได้เก่งเลิศเลออะไร แค่มาดอินเตอร์ ชอบทำตลกให้คนขำ และทำเสียงดังให้ลูกน้องกลัว…คนไทยก็เลยกลัว และกลับยกย่องจนเกินเหตุ กลัวนายไม่ปลื้มด้วย ซึ่งนิสัยดังที่กล่าวมา เป็นเรื่องปกติทั่วไปของชาวต่างชาตินะครับ …ขออภัยถ้าผมพูดตรงไปสักหน่อย เพราะผู้เขียนมีเพื่อนต่างชาติที่ honest และให้ความรู้เรื่องนี้มาพอสมควร
สรุป…แม้ว่าหนทางจะพิสูจน์ม้า กาลเวลาจะพิสูจน์คนได้ แต่เราต้องรู้จักตัวตนของเขาได้ดีจริงด้วยนะครับ
เป็นประสบการณ์ส่วนตัวในบางช่วงของชีวิตที่ไม่ค่อยประทับใจนักนะครับ ฝรั่งดีๆ หรือต่างชาติทำงานเก่งๆ ก็มีเยอะ… ความจริงมีมากกว่านี้ ผู้เขียนคัดเอาส่วนที่ไม่ประทับใจมาเล่าสู่กันฟังเพียงเท่านี้ เผื่อจะได้รับรู้ไว้ครับ
มีคนบอกผมว่า การทำงานในเอเจนซี่โฆษณานั้นเป็นดงเสือ …ต้องมีพรรคพวก มีฐานดี พริ้วเก่ง …ผมก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่การเป็นคนตรงไปตรงมาของผู้เขียน ไม่มีอ้อมค้อม ก็มักจะถูกแอบกล่าวหาด้านเดียวเสมอ ไม่กล้าพูดตรงๆ ต่อหน้า…ส่วนมากกลัว”ความจริง” ที่ผมจะพูด… ปกติผมจะไม่เกลียดใคร ถ้าเขาไม่ทำให้เราหรือครอบครัวเราเดือดร้อน…แต่ถ้าเราไม่ชอบใคร เราก็จะไม่เข้าไปยุ่ง จะแยกตัวออกมา…ถือเสียว่าอยู่คนละโลก (พูดง่ายๆคือ …อย่ามายุ่งกะชีวิตผมครับ) ทุกวันนี้ผมใช้เฟสบุ๊คเสมือนบันทึกส่วนตัว กันลืม เพื่อนสนิทกันจริงๆ เขาคงไม่รำคาญเท่าใหร่ นั่นคือสาเหตุที่ผมไม่ค่อย Request friend ในเฟสฯ….ชีวิตผมพอใจแค่นี้ครับ